พันธุ์ข้าวท้องถิ่นที่เรียกว่าจาโปนิกา (Japonica) นิยมปลูกกันในประเทศญี่ปุ่น ภาคเหนือของจีน และบริเวณคาบสมุทรเกาหลี จะมีลักษณะเมล็ดสั้น กลม หนา และมีความเหนียว เนื่องจากมีอะไมโลเพคตินในปริมาณสูง จึงเหมาะที่จะใช้กับอาหารอย่างโอนิกิริ (ข้าวปั้น) หรือซูชิที่จะรับประทานด้วยตะเกียบ เช่น ข้าวญี่ปุ่นสายพันธุ์อะคิตะโคมาชิ
สายพันธุ์ข้าวญี่ปุ่น
ตลอดหลายศตวรรษที่ผ่านมา มีการพัฒนาข้าวญี่ปุ่นหลายพันธุ์ ที่ได้รับการยอมรับมากที่สุดมีดังต่อไปนี้ :
- ข้าวญี่ปุ่นสายพันธุ์โคชิฮิคาริ (コシヒカリ) ข้าวญี่ปุ่นที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในประเทศและต่างประเทศ ข้าวเมล็ดสั้นนี้มีความเหนียวข้น มีรสหวาน และปลูกทั่วประเทศญี่ปุ่น ทางภูมิภาคโทโฮคุทางตอนเหนือของเกาะฮอนชู เป็นพื้นที่ผลิตข้าวหลัก
- ข้าวญี่ปุ่นสายพันธุ์ฮิโตเมะโบเระ (ひとめぼれ) ขึ้นชื่อในเรื่องเนื้อสัมผัสนุ่ม ที่เข้ากันได้ดีกับอาหารญี่ปุ่นแบบเบา ๆ มีรสชาติ กลิ่น และรูปลักษณ์ที่สมดุล มีความเหนียวนุ่มเหมือนโคชิฮิคาริ แต่ไม่แรงเท่า
- ข้าวญี่ปุ่นสายพันธุ์อะคิตะโคมาชิ(あきたこまち) มีถิ่นกำเนิดในจังหวัดอากิตะ ข้าวชนิดนี้ยังเป็นแรงบันดาลใจสำหรับรถไฟชินคันเซ็นที่มีชื่อเดียวกันซึ่งผ่าน อะคิตะโคมาชิ มีความเหนียวและรสชาติเบากว่าโคชิฮิคาริเล็กน้อย แม้จะทานแบบเย็น รสชาติก็ไม่บูด ดังนั้นจึงเหมาะกับอาหารที่ทานเย็นๆ เช่น ซูชิ
- ข้าวญี่ปุ่นสายพันธุ์Hakumai/Uruchimai (粳米) – ข้าวที่หาได้ง่ายและพบได้บ่อยที่สุดคือข้าวขาวที่ใช้เป็นส่วนประกอบหลักในอาหารญี่ปุ่นหลายๆ อย่าง
- ข้าวญี่ปุ่นสายพันธุ์เก็นไม (玄米) – ข้าวกล้องที่ยังไม่ได้ขัดเพื่อเอารำชั้นนอกออกเรียกว่าเก็นไม ข้าวประเภทนี้ไม่ได้รับความนิยมเท่าข้าวขาวเนื่องจากใช้เวลาในการหุงนานและต้องการน้ำมากขึ้น แต่ได้รับความนิยมในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาเนื่องจากมีสารอาหารที่หลากหลายกว่าข้าวขาวขัดมัน
- ข้าวญี่ปุ่นสายพันธุ์โมจิโกเมะ (もち米) – ข้าวเหนียวที่นุ่มกว่าและหวานกว่า ซึ่งปกติใช้สำหรับทำขนม เช่น โมจิและไดฟุกุ ความยืดหยุ่นสูงทำให้เหมาะสำหรับการทุบและถือว่ามีความสม่ำเสมอในอุดมคติสำหรับโมจิ
ข้าว คือ วัตถุดิบหลักทางอาหารในวัฒนธรรมญี่ปุ่นที่มาจากประเทศจีนจนถึงทางตอนใต้ของญี่ปุ่น คิวชู ที่คนญี่ปุ่นทำการปลูกข้าวมามากกว่า 3000 ปี ข้าวกลายเป็นที่ได้รับความนิยมในประเทศญี่ปุ่นเหมือนกับประเทศต่างๆในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพราะสภาพอากาศที่มีอยู่ ก่อนเข้าหน้าร้อนจะมีฝนตกหนักและแล้งในช่วงร้อนย่างเข้าฤดูใบไม้พลิและก็เหมาะกับการปลูกข้าว ในแต่ล่ะชาติก็จะมีการปลูกข้าวที่เหมาะกับสภาพแวดล้อมของชาตินั้น แต่ล่ะสายพันธ์จะมีความเป็นเอกลักษณ์ เช่น ทนความหนาว มีความหวานในตัว ฯลฯ อากิตะโคะมะชิ คือหนึ่งสายพันธ์ข้าวที่ได้รับความนิยมในจังหวัดอากิตะซึ่งเป็นสายพันธ์ที่ทนต่อสภาพอากาศหนาวได้และก็อร่อยดีมีคุณภาพด้วย
จังหวัดอากิตะเป็นหนึ่งในจังหวัดที่มีชื่อเสียงมากในเรื่องของข้าว แบรนด์ข้าวที่มีชื่อเสียงมากของจังหวัดนี้คือ “ข้าวญี่ปุ่นสายพันธุ์อะคิตะโคมาชิ” (Akita Komachi) ซึ่งมีที่มามาจาก โอโนโนะ โคมาจิ ( Ono no Komachi) เธอได้รับการขนานนามว่าเป็นผู้หญิงที่สวยที่สุดในโลก อากิตะ โคมาจิ พัฒนามาจากแบรนด์ข้าวญี่ปุ่นทั่วไปที่ชื่อว่า โคชิฮิการิ(Koshihikari)ในปี ค.ศ. 1984 อากิตะ โคมาจิ โด่งดังในเรื่องของกลิ่นที่มีความหอม บวกกับผิวสัมผัสที่นุ่มเวลาเคี้ยว และยังคงความอร่อยแม้ว่าจะเย็นแล้วก็ตาม นี้เป็นสาเหตุว่าทำไมถึงทำให้ข้าวจากอากิตะได้ถูกจัดอยู่ใน 5 อันดับสูงของญี่ปุ่น
วิธีการหุง
- ตวงข้าวในปริมาณตามต้องการ เติมน้ำพอท่วมข้าว
- พักข้าวบนตะแกรงให้สะเด็ดน้ำ
- เทข้าวลงในหม้อเติมน้ำตามอัตราส่วน แช่ข้าวไว้ 30 นาที เมื่อครบแล้วกดสวิตซ์หุงข้าวได้
- เมื่อหุงข้วสุกแล้วควรปล่อยให้ข้าวระอุอยู่ในหม้ออย่างเพิ่งเปิดฝา รออีก 15 นาที จากนั้นใช้ทัพพีตักซุยข้าวเพื่อให้ความชื้นส่วนเกินออก จะได้ข้าวหอม เหนียว นุ่ม น่ารับประทานขึ้น
อัตราส่วน ข้าว : น้ำ ข้าวขาว 1 : น้ำ 1.2 / ข้าวซูชิให้ลดน้ำลง(ข้าวขาว)1 : 1.1 / ข้าวกล้อง 1 : น้ำ 2
ข้าวญี่ปุ่น P AND P KOMEYA
ข้าวญี่ปุ่นตรา ” โกะเมะยะ ” 日本米ブランド『こめや』(こめやの米)ข้าวญี่ปุ่นสายพันธุ์ “อะคิตะโคมาชิ” ( Akita-komachi ) ( あきたこまち ) ที่เราคัดสรรตั้งแต่เมล็ดพันธุ์ แหล่งเพาะปลูกในพื้นที่จังหวัดเชียงราย โดยเกษตรที่มีประสบการณ์ได้รับการถ่ายทอดเทคนิคพิเศษต้นตำหรับจากชาวญี่ปุ่น ควบคุมกระบวนการผลิตโดยเครื่องจักรคุณภาพจากประเทศญี่ปุ่น ภายใต้ระบบมาตรฐานโรงงานอุตสาหกรรม สถานที่เก็บวัตถุดิบและสินค้าสะอาดปลอดภัย ขัดสีสดใหม่ ใส่ใจทุกขั้นตอน ส่งตรงลูกค้าทุกวัน
ไปดูข้าวญี่ปุ่น P AND P KOMEYA ของเรากัน
ข้าวในอาหารญี่ปุ่น
ในปี 2014 อาหารญี่ปุ่นแบบดั้งเดิมหรือ วาโชกุ ได้รับการเสนอชื่อให้เป็นมรดกทางวัฒนธรรม เราอาจกล่าวได้ว่า ข้าวได้รับการยอมรับว่าเป็นเมล็ดพืชที่สำคัญในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น เพราะข้าวเป็นอาหารประจำชาติส่วนใหญ่ มาดูอาหารญี่ปุ่นที่ทำจากข้าวซึ่งเป็นที่นิยมมากที่สุดกัน:
- Onigiri おにぎり– หนึ่งในอาหารที่เน้นข้าวเป็นสัญลักษณ์มากที่สุดคือข้าวปั้นง่ายๆ เหล่านี้บางครั้งเต็มไปด้วยส่วนผสมต่างๆ ตั้งแต่ปลาและเนื้อสัตว์ไปจนถึงผักและของดอง พวกเขามักจะห่อด้วยสาหร่าย (โนริ)
- ซูชิ 寿司– หนึ่งในอาหารญี่ปุ่นที่โด่งดังที่สุด ซูชิทำโดยการเติมข้าวใต้ปลาดิบ (ซาซิมิ) หรือท็อปปิ้งอื่นๆ เช่น ไข่เจียวม้วน ผัก หรือเนื้อสัตว์ ซูชิได้กลายเป็นที่นิยมไปทั่วโลก
- -ดอน 丼– หมายถึงอาหารหลากหลายที่มีฐานข้าวอยู่ในชาม ท็อปปิ้งวางอยู่บนเตียงข้าว ท็อปปิ้งยอดนิยม ได้แก่ หมูทอด (คัตสึด้ง) ปลาดิบ (ไคเซ็นด้ง) เนื้อวัว (กิวด้ง) ไก่และไข่ต้ม (โอยาโกะด้ง)
- Senbei 煎餅– ข้าวปั้นเป็นรูปแครกเกอร์และปรุงรสด้วยส่วนผสมที่มีรสเค็ม เช่น ซอสถั่วเหลือง ซึ่งทำให้เป็นอาหารว่างที่สมบูรณ์แบบและเป็นอาหารที่ทำจากข้าวญี่ปุ่นแบบดั้งเดิมที่เป็นที่นิยมมากที่สุดแห่งหนึ่ง
- โมจิ 餅– กระบวนการในการตำข้าวให้เป็นครกด้วยค้อนไม้ขนาดใหญ่เป็นสัญลักษณ์ที่โดดเด่นและนำเอาฉากดั้งเดิมของญี่ปุ่นกลับมา เค้กข้าวที่นุ่มและอ่อนนุ่มนั้นถูกปกคลุมด้วยน้ำตาลและเต็มไปด้วยถั่วแดงที่รู้จักกันในชื่ออังโกะ มีหลากหลายรูปแบบ แต่ที่พบมากที่สุดคือโมจิที่รับประทานร่วมกับวันขึ้นปีใหม่ของญี่ปุ่น ( โชกัตสึ )
- Kaminari Okoshi 雷おこし– หนึ่งในขนมดั้งเดิมของญี่ปุ่น ขนมข้าวเกรียบหวานนี้ผสมกับน้ำตาลและน้ำเชื่อม สุดท้ายถูกกดให้เป็นรูปทรงแบนและแบ่งออกเป็นลูกบาศก์
- สาเก酒– กาลครั้งหนึ่ง นี่เป็นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ชนิดเดียวที่บริโภคในญี่ปุ่น ทุกวันนี้ ยังคงเห็นได้ด้วยความเคารพอย่างสูง แม้ว่าจะมีเครื่องดื่มนำเข้าก็ตาม ขั้นตอนแรกของการผลิตสาเกเกี่ยวข้องกับการสร้างส่วนผสมของข้าวสวย น้ำ และรายีสต์โคจิ กระบวนการนี้ซ้ำอีกสองครั้งในวันที่ 3 และ 4 หลังจากนั้น อาจใช้เวลาหกสัปดาห์หรือมากกว่านั้นในการหมักให้เสร็จ สาเกจะถูกเก็บไว้เป็นเวลาเก้าถึงสิบสองเดือนเพื่อกรอกรายละเอียดรสชาติ ข้าวหมักพิเศษสกาไม ใช้สำหรับทำสาเก ข้าวประเภทนี้มีรสผลไม้มากขึ้นเมื่อขัด ( Daiginjoหมายถึงสาเกที่ทำมาจากสะกามัยที่ขัดแล้ว 50% ขึ้นไป) ความหลากหลายของสาเกและรสชาติแต่ละอย่างจะพิจารณาจากชนิดของข้าว รายีสต์โคจิ น้ำ อัตราส่วนการขัดข้าว วิธีการต้ม และวิธีการกลั่นที่ใช้ตลอดกระบวนการ วันนี้สาเกได้กลายเป็นคำทั่วไปทั่วโลก มีรสชาติที่เข้มข้น ผลไม้ และละเอียดอ่อนที่ดึงดูดต่อมรับรสของผู้คนมากมายทั่วโลก
- ผลิตภัณฑ์ฟางข้าว – เมื่อเก็บเกี่ยวแล้ว สิ่งที่เหลืออยู่ของต้นข้าวจะนำไปใช้ทำเครื่องใช้หรือสินค้า เช่น รองเท้าแตะ ตะกร้า หรือแม้แต่ตะกร้าข้าวแบบดั้งเดิม ( โกกุ ) สายฟางข้าวที่รู้จักกันในชื่อชิเมนาวะนั้นพบได้ในศาลเจ้าชินโตทุกแห่งหรือติดอยู่กับมรดกทางธรรมชาติที่สำคัญเพื่อระบุเขตแดนของพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์
ข้าวญี่ปุ่นต่างกับข้าวไทยอย่างไร
ในปี 1993 ที่ประเทศญี่ปุ่นอากาศแปรปรวน อากาศหนาวเย็นลง จึงทำให้ผลผลิตข้าวน้อยลงมาก รัฐบาลจึงต้องนำเข้าข้าวจากไทย ตั้งแต่นั้นชาวญี่ปุ่นจึงรู้จักข้าวไทยของเรามากขึ้น แต่ด้วยรสสมผัสที่ต่างกันจึงมีคนญี่ปุ่นหลายคนพอทานครั้งแรกก็บอกว่าไม่อร่อย เพราะไม่ชินในเนื้อสัมผัสที่ร่วนและแห้งกว่าข้าวญี่ปุ่น โดยข้าวที่ชาวญี่ปุ่นคุ้นชินกันนั้นจะเป็นเม็ดกลมเล็ก มีความหนียวนุ่มกว่าข้าวไทย สามารถใช้ตะเกียบคีบทานได้โดยง่าย
เหตุที่ต่างกันนั้นก็เพราะข้าวญี่ปุ่นนั้นเป็นข้าวพันธุ์จาโปนีก้า (ジャポニカ米) ส่วนข้าวไทยของเรานั้นเป็นพันธุ์อินดีก้า (インディカ米) นั่นเอง รสสัมผัสก็ต่างกัน รูปร่างของเมล็ดข้าวก็ต่างกัน วิธีปลูกข้าวก็ต่างกันด้วย อย่างข้าวญี่ปุ่นใช้น้ำน้อยกว่า นาของเขานั้นแห้งกว่า ใช้น้ำน้อยกว่าที่ไทยมากๆ ไม่เหมือนนาไทยที่หลายคนติดภาพว่านาข้าวต้องมีน้ำท่วมขังตลอดเวลา
เพราะข้าวญี่ปุ่นไม่ได้ชอบน้ำท่วมขังมาก ดังนั้นข้าวญี่ปุ่นที่นำมาปลูกในไทยมักจะปลูกในช่วงนาปรัง (ช่วงฤดูน้ำน้อย) เพราะไม่เช่นนั้นต้นข้าวอาจตายได้
ที่มา :
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับข้าวญี่ปุ่น , รู้รอบเรื่องข้าวญี่ปุ่น , การปลูกข้าว